ข่าวทั่วไป
ไขปัญหาฯ : อย่ากินจนไตพัง
ไขปัญหาสุขภาพแผนจีน : อย่ากินจนไตพัง : โดย...หมอไพร
ปัจจุบันพบเจอผู้ป่วยเป็นโรคไตกันมากขึ้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการล้างไตจะมีมากแค่ไหน จนมีธุรกิจขายเครื่องฟอกไตเกิดขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
จะให้ไตพังก่อนค่อยมาล้างกัน เรามาช่วยกันป้องกันโรคไตก่อนไม่ดีหรือ
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเริ่มต้นจากการกินของเรานี่แหละ ความเคยชิน ความชอบส่วนตัว
เลือกกิน กินตามใจตัวเองจนไตพังโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนได้รับฟังเรื่องราวหลายตัวอย่างจากการกินทำให้เกิดโรคไตวาย
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เรื่องมีอยู่ว่า
เด็กสาวคนหนึ่ง อายุ 12 ปี ชอบกินปีกไก่ทอดเป็นชีวิตจิตใจ กินทุกวัน วันละหลายปีก
กินพร้อมกับดื่มน้ำอัดลม เช่นนี้ทุกวันติดต่อกัน ผ่านไปครึ่งปี
เกิดอาการปัสสาวะเป็นฟอง ปัสสาวะน้อย ตาบวม ขาบวม อ่อนเพลีย ตรวจพบว่า
มีไข่ขาวรั่วในปัสสาวะ ค่าของเสียในไตสูงขึ้น ค่าการทำงานของไตต่ำลง
ต้องฟอกไตตั้งแต่อายุ 12 ปี
อีกรายหนึ่ง เหน็ดเหนื่อยกับการเตรียมงานแต่งงานของตัวเอง
บวกกับยุ่งเตรียมของไหว้ตรุษจีน เรารู้กันอยู่แล้วว่าตรุษจีนต้องเหน็ดเหนื่อยในการตระเตรียมมากแค่ไหน
หลังจากยุ่งกับการไหว้แล้ว ต้องต่อด้วยการกินอาหารที่มีอยู่อย่างมากมายนั้นให้หมด
ต้องดื่ม ต้องกินเนื้อสัตว์มากแค่ไหน หลังตรุษจีน 3 วันก็แต่งงาน วันที่เข้าห้องหอกับภรรยา เกิดอาการใจสั่น แน่นหน้าอก
หายใจไม่ออก นอนแผ่บนเตียงขยับไม่ได้ ส่งโรงพยาบาล ตรวจพบว่า ไตวายระยะสุดท้าย
ปัสสาวะเป็นพิษ และมีโรคแทรกซ้อนมากมาย
ในชีวิตประจำวัน ร่างกายคนเราต้องการ โปรตีน ไขมัน แป้งน้ำตาล
เกลือแร่ วิตามิน แต่ต้องในปริมาณที่พอเหมาะ ถ้ามากเกินไปไตจะทำงานหนัก
หากเราจะเปรียบไตเหมือนถังขยะก็ไม่ผิดนัก ขยะต่างๆ มารวมที่ไต ถ้าขยะมากจนล้น
ไตต้องทำงานหนักแน่นอน ถ้าน้อยๆ หรือระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นยังพอทนไหว
ถ้ามากเกินไป บ่อยๆ เกินไป ระยะยาวเกินไป ไตทำงานหนัก ทำให้หน่วยไตแข็งกระด้าง
กรองได้ไม่ดี โรคไตวายจะตามมา
สมรรถภาพการทำงานของไตจะลดลงตามวัย อายุยิ่งมากขึ้น
สมรรถภาพในการกรองพิษยิ่งอ่อนแอลง การกินโปรตีนมากเกินไป เป็นภาระให้ไตทำงานหนัก
อาหารที่ทำร้ายไตมากที่สุดคืออาหาร
1) เค็ม เช่น ผักดอง หัวไชโป๊ว ซีอิ๊ว น้ำปลา เกลือ น้ำมันหอย ไข่เค็ม
ปลาเค็ม กุนเชียง หมี่สำเร็จ และเครื่องปรุงรสต่างๆ
2) อาหารที่ต้มทุกอย่างในหม้อน้ำเดือดๆ มีทั้งหมู เนื้อ ไก่ หอย ปู ปลา เครื่องใน เต้าหู้ ผักนานาชนิด สาหร่ายทะเล
เป็นต้น ทำให้เพียวรินมาก เลือดจะมีกรดมาก
ไตเป็นตัวขับเพียวรินที่มากเกินไปออกจากร่างกาย ถ้ากินอย่างนี้เป็นประจำไม่ดีต่อไตแน่ๆ
และยิ่งมีเพียวรินมากๆในเลือด ไตต้องขับออกในเวลาอันสั้น
อะไรจะเกิดขึ้นคงเดาได้ไม่ยาก
ตัวเพียวรินนี้ไม่ใช่จะเกาะกลุ่มที่ข้อต่อแล้วเกิดโรคเก๊าต์เพียงอย่างเดียว
ยังเกาะในหน่วยกรองไตทำให้เป็นโรคไตวายได้ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง และยังรวมกับแคลเซียมเกาะกลุ่มกันเป็นนิ่วอุดท่อไตเรื้อรังได้อีกด้วย
3) เบียร์ เป็นอีกหนึ่ง ที่ทำให้เพียวรินสูง ไม่เพียงตัวเบียร์อย่างเดียว การดื่มเบียร์ต้องกับแกล้ม
ทั้งเนื้อสัตว์ ทั้งรสจัด จะไม่ให้ไตทำงานหนักได้อย่างไร
4)เครื่องในสัตว์ มีเพียวรินมาก แม้โบราณจะเคยสอนว่า อวัยวะอะไรจะบำรุงอวัยวะนั้น เราจึงมักได้รับคำแนะนำต่อๆ กันมา
เช่น หากเป็นโรคกระเพาะ ให้เอากระเพาะหมูล้างสะอาดใส่พริกไทยเม็ดเข้าไป
ตุ๋นให้นุ่ม กินกระเพาะหมูนั้น
หรือเอาเซี่ยงจี๊หมูตุ๋นกับเม็ดลิ้นจี่รักษาโรคไตวาย เป็นต้น ในนี้อย่าลืมว่า
เครื่องในมีเพียวรินมาก กินบ่อยไม่น่าจะเหมาะ
5)ถุงน้ำดีในตับปลาสดๆ มีพิษ ต้องล้างให้สะอาด
คนที่ล้างดีปลาออกไม่สะอาดเกิดอาการติดพิษจะมีอาการ ชาตามตัว ท้องร่วง อาเจียน
ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือด กลายเป็นไตวายเฉียบพลันได้
เรื่องนี้ผู้เขียนมีประสบการณ์ตรงเลย วันหนึ่งไปซื้อปลาสดเป็นชิ้นๆ
ในตลาด แม่ค้าใจดีแถมตับปลามาให้ 2 ชิ้นใหญ่ๆ วันนั้นเลยทำต้มยำปลาใส่ตับปลาลงไปด้วย
ตอนนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องถุงน้ำดีปลาเลย คิดว่าตัวเองไม่มีถุงน้ำดีแล้ว
กินน้ำดีปลาน่าจะช่วยบำรุงถุงน้ำดีได้ดี วันนั้นทั้งวันมีต้มยำหม้อนี้ทุกมื้อ
พอถึงกลางคืนประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ปวดมวนท้อง
อาเจียนท้องร่วงจนหมดไส้หมดพุง ทั้งคืน ต่อรุ่งขึ้นวันที่ 2 อีก หมดแรงเลย แต่โชคดีที่ไตไม่ได้เป็นอะไร
นึกอยู่แล้วว่าต้องมาจากกินตับปลาแน่นอน เพราะไม่ได้กินอาหารอย่างอื่น
แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจเหตุผลของพิษน้ำดีปลา จนกระทั่งเร็วนี้ได้รับข้อมูลว่า
มีเรื่องราวการได้รับพิษจากดีปลา และมีคำเตือนมาว่า เวลากินปลาต้องล้างให้สะอาด
ล้างดีปลาออกให้หมด ให้สะอาดหมดจด ไม่ว่าปลาอะไร ไม่มียกเว้น
ในอาหารการกิน พืชผักธรรมชาติหรือเนื้อสัตว์ทั้งบกทั้งน้ำ
ต่างมีดีและไม่ดีอยู่ในตัวเราจึงควรระมัดระวัง
นอกจากกินอาหารแล้ว ยังต้องใส่ใจเรื่องกินยาด้วย(ที่มาหนังสือพิมพ์ คม-ชัด-ลึก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น