วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

๑. ๘. จงขจัดความเบื่อหน่าย

          ๑. ๘. จงขจัดความเบื่อหน่าย
           คนเราไม่มีใครหนีงานได้ วิธีการใดๆก็ตามที่จะนำไปสู่ความสำเร็จหรือความสุขในชีวิตจะต้องมีงานเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ เพราะฉะนั้นตัวเราเองก็ควรที่จะหาวิธีเพื่อขจัดความเบื่อหน่ายออกไปจากงานและวิธีการกำจัดความเบื่อหน่าย คือ
                      ขาดความสนใจ                                                     ขาดความรู้
                      ขาดความชำนาญ                                                  ขาดเพื่อนร่วมงานที่พึงพอใจ
                      ขาดนายจ้างที่รู้จักชื่นชมต่องานของตน                     ขาดสถานที่ทำงานที่น่าพอใจ
 และวิธีที่ดีที่สุดที่จะต้องทำให้งานน่าสนใจ คือ ตัวเราเองจะต้องสนใจกับงานที่ทำและจลสนุกกับงานนั้น ๆ
           ๑.๙. จงทำดีขึ้นกว่าแต่ก่อนและอุดรอยรั่วเสีย
           วิธีการที่จะทำให้ตัวเราเองดีขึ้นกว่าแต่ก่อนนี้ คือ มีอยู่ สองวิธีในการสร้างความก้าวหน้า คือ  ตัวเราเองสามารถทำอะไรบางอย่างให้มากกว่าที่ทำก่อนหน้านี้ อาจจะด้วยวิธีอื่นหรือ มองหาวันใหม่ในแต่ละวันด้วยความกระตือรือร้น เพื่อที่จะเป็นการแข่งขันกับตัวเอง ดังนั้น ตัวเราเองก็ควรที่จะเป็นคู่แข่งกับตัวเองเพื่อที่จะทำให้ในทุก ๆ วันดีกว่าเมื่อวานนี้ และมีความปลอดภัยและรวดเร็วกว่า
           ในทุกวันนี้ทุกคนล้วนพูดถึงมาตรฐานทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใดก็ตาม แม่บ้าน ผู้บริหาร ฯลฯ ต่างก็พยายามที่จะลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเงินให้ได้ ดังนั้นจึงควรหาวิธีลดค่าใช้จ่ายและเรื่องเวลาก็เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องให้ทุกคนในองค์กรได้รู้หรือรับทราบเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่สำคัญ และการวางแผนสำหรับการทำตามแผนการนั้น สิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุดคือ เรื่องของเวลา เพราะเวลา มีราคาแพงมากที่สุด เนื่องจากไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ใดในโลก ดังนั้น จึงต้องจัดเวลาให้เกิดประโยชน์และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ตัวอย่างเช่น การจดบันทึก ในแต่ละวัน ว่าในหนึ่งวันตัวเราเองจะต้องทำอะไรบ้างและมีความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด
           ๑.๑๐. จงเป็นคนเด็ดขาดและเลือกจุดหมายให้ชัด
           ไม่มีใครที่สามารถที่จะคำนวณการสิ้นเปลือง  แรงงาน  เวลา   และโอกาสได้ไปโดยเสียประโยชน์  เนื่องจากขาดความโลเล  ขาดความเด็ดขาด หรือขาดความกลัวเราควรที่จะตัดสินใจให้มีความเด็ดขาด และรู้จักปฏิเสธ เมื่อจำเป็นที่จะต้องปฏิเสธโดยการปฏิเสธนั้นจะต้องปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิงและสุภาพ แต่ก็ควรทำด้วยความหนักแน่นและเด็ดขาด ในกรณีสำคัญ เมื่อได้รับประโยชน์จากใครก็ตาม ก็ควรที่จะกล่าวคำขอบคุณในลักษณะที่เหมาะสม
          ความทะเยอทะยานนั้นจะต้องมีความสามารถเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ก็เปรียบเหมือนกับม้าสองตัวที่เทียมรถฝึก ทั้งสองจะต้องวิ่งไปในทิศทางเดียวกันและเคลื่อนไปด้วยฝีเท้าที่เท่าเทียมกัน ถ้าตัวเราเลือกจุดมุ่งหมายที่ตนเองมีความพึงพอใจ โดยไม่คำนึงถึงความสามารถของตัวเราเองในวันที่ จะบรรลุเป้าหมายนั้นได้แล้ว ก็เหมือนกับตัวเราเองจะก้าวไปสู่ความผิดหวังนั่นเอง
          ๑. ๑๑. มีวิธีหาเงินและจัดลำดับก่อนหลัง
           มีคุณสมบัติหลายอย่างที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จ เช่น ความสามารถ ชั้นเชิงพลังและผลักดัน ความมีมานะบากบั่นและเงิน ความซื่อสัตย์กำลังล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งความซื่อสัตย์ในปัจจุบันเป็นไปอย่างจงใจและถูกวางแผนได้ด้วยการคำนวณของธุรกิจสมัยใหม่ และศีลธรรมทางธุรกิจนั้น จะปรับปรุงให้ดีขึ้นก็ได้เพียงแต่เริ่มได้ด้วยตัวคุณเอง และถ้ามีความจริงใจตรงไปตรงมาทั้งในคำพูดและการกระทำ ดังคำกล่าวที่ว่า หากตัวเราซื่อสัตย์ต่อตัวเราเองและเป็นอยู่เสมอเหมือนดังทิวาที่ติดตามราตรีมาแล้ว
              จัดลำดับก่อนหลัง วางแผนให้ตนเองมีเวลาว่าง สามารถร่ำรวยขึ้นได้ โดยการหารายได้และลดค่าใช้จ่ายลง เช่นลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่สิ้นเปลือง เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ควรที่จะฝึกฝนให้เป็นนิสัย คือ การบริการสังคมและการจัดองค์การให้มีความเสียสละ เช่น ช่วยบริจาคหนังสือ และเสื้อผ้า ฯลฯ ให้แก่เด็กที่มีความยากไร้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อ ๆ ไป
         ๑.๑๒. จงติเพื่อก่อและลำดับความสำคัญให้เหมาะ
           การที่จะขึ้นไปถึงขั้นสูงสุดแห่งความสำเร็จ คือ การใช้กล่องเพื่อยอมรับคำแนะนำจากพนักงาน และเพื่อนร่วมงาน ถึงแม้องค์กรและบริษัทจะไม่มีรางวัลให้กับผู้แนะนะก็ตาม ควรจะแนะนำหรือมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง ชนิดที่จะประหยัดเวลา  แรงงาน วัสดุและเงิน   เช่น การพิจารณาจาก แบบฟอร์ม ที่ใช้มีความจำเป็นหรือไม่ ใช้ข้อความให้สั้นและกระชับและอ่านมีความเข้าใจในข้อความได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อประหยัดพื้นที่กระดาษให้น้อยลง  เป็นต้น
           การให้ความสำคัญต่องานที่ทำกำลังทำอยู่อย่างใดอย่างหนึ่งก่อนและค่อยทำงานต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งเราจะเสียเวลาไปกับงานนั้นๆนิดหน่อยแต่ก็เพื่องานที่ออกมาดีและมีคุณภาพ และไม่ควรทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกันเพราะอาจจะเป็นผลเสียต่องานของท่านเองก็เป็นได้เช่น งานจะไม่มีคุณภาพ ไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ และไม่ควรที่จะหาวิธีทางลัดในการทำงานเพื่อให้งานเสร็จโดยเร็ว เพราะทางลัดก็อาจเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ความเดือดร้อน และเสียหายได้อย่างเร็วและง่ายและเมื่อวางแผนกำหนดการไว้อย่างดีแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหาวิธีทางลัดมาใช้ เพราะทางลัดจะให้ผลเสียและเป็นอันตราย ถึงแม้ว่าจะเป็นการประหยัดเวลาก็ตาม
           ๑.๑๓.  ตำแหน่งว่างของคุณใหญ่แค่ไหนกับการรับใช้สังคม
           การศึกษาถึงหน้าที่งานตำแหน่งของตนเองให้มีความรู้มากขึ้น เพื่อจะเป็นการเสริมหรือสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพ ความมั่นใจ เรียนรู้ให้มากขึ้น หากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งหน้าที่การงานของตนเองที่ทำอยู่ เพื่อใช้แนวความคิดและปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ และอาจจะเป็นการเตรียมตัวเพื่อเลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานในอนาคตก็เป็นไปได้เช่นกัน
           การทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตัวเราเองก็ได้มีความพึงพอใจน้อยกว่าการทำงานเพื่อประโยชน์ต่อสังคมมีกิจกรรมหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการชุมชน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เช่น การอ่านหนังสือที่มีความสำคัญและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวัน ก็ควรจะเล่าหรือบอกกล่าวต่อประชาชน เพื่อที่จะเป็นประสบการณ์ในการทำงานเสริมสร้างความกล้า ความมั่นใจและความเป็นผู้นำได้ และประโยชน์ในส่วนรวมก็คือ ประชาชนจะได้นำความรู้นั้นๆไปประยุกต์ใช้และปรับปรุงใช้ในชีวิตประจำวันได้ในอนาคตต่อๆไป  และการทำงานร่วมกับคนอื่น ๆก็จะต้องรักษาเวลาในการทำงานและใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
           ๑.๑๔. ยึดไว้ให้มั่นแต่จงอย่าโอ้อวด
           การที่จะประสบผลสำเร็จในการทำงานหรือทำอะไรก็ตามนั้นตัวเราจะต้องก้าวขึ้นไปข้างหน้าอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเราจะไปไม่ถึงที่ยอดหรือที่สูงสุดก็ตามและความบากบั่น ไม่ว่าตัวเราเองจะมีความรู้มากแค่ไหน หรือมีความพยายามมากเพียงใดก็ตาม ก็ยังจะต้องพบเจอกับความผิดพลาดได้เช่นกัน ดังนั้นจงพยายาม เตรียมตัว เตรียมงาน เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด
           อย่าโอ้อวดในเรื่องของความเก่งหรือพูดเกินความเป็นจริงของตนเองมากเกินไปเพราะไม่มีใครและใครที่สามารถโกหกและเชื่อได้ตลอดและเสมอไป เพราะความรู้ของคนแต่ละคนมีจำนวนไม่เท่ากัน ดังนั้นความไม่รู้ก็เป็นอาชญากรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งยิ่งทำหรือศึกษาให้มีความรู้มากขึ้น ก็ยิ่งมีความแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่จะเรียนรู้ได้ทั้งหมด และการเรียนรู้หาความรู้ซึ่งยาวกว่าการมีชีวิต ซึ่งการหาความรู้ไม่มีการหมดหรือดับสิ้นไป และไม่มีวิธีทางลัดใดที่จะสามารถหาความรู้ให้ได้มากที่สุด
            ๑.๑๕. ระวังสุขภาพของคุณและเก็บเรื่องเพศไว้ให้เป็นที่เป็นทาง
            การประสบความสำเร็จโดยการแลกกันกับสุขภาพมันคือสิ่งที่แย่อย่างหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องดูแลสุขภาพให้ดีด้วย คือ หมั่นออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ และท่าทางทีดีก็จำเป็นสำหรับการรักษาบุคลิกภาพ เพราะจะทำให้เกิดความสง่างาม ทำให้ร่างกายแข็งแรง และป้องกันความเหน็ดเหนื่อย คือ เวลานั่งควรนั่งตัวตรงใช้เก้าอี้หวายหรือเก้าอี้มีรู หลีกเลี่ยงการใช้หมอนรองก้น  เพราะจะทำให้การหมุนเวียนของเลือดและอากาศเป็นไปได้ไม่ดี
           กามาอารมณ์ มีบทบาทสำคัญในชีวิตอย่างหนึ่ง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีทัศนคติที่ดีในเรื่องของกามอารมณ์ เพราะหน้าที่และข้อดีของมันก็ คือ มีความกล้าหาญและมีความเสียสละ และข้อเสียของมันก็คือ  กิเลศตัณหาควบคุมไม่อยู่ ความรุนแรง ซึ่งความรู้ด้านกามาอารมณ์ จะได้รับการตอบสนองโดยการแต่งงานที่มีความสุขและความพึงพอใจ ก็จะทำให้บุคลิกภาพของตัวเรามีความเบิกบานใจได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ควรจำไว้ว่าธรรมชาติไม่ได้บังคับหรือสร้างให้ตัวเราเองมั่วสุมกับกามอารมณ์ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี  ควรมีการควบคุมตัวเองอย่างสมบูรณ์
           ๑.๑๖. สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นจึงจะดีพอ
           การทำงานที่ดีไม่ควรเอาเงินเดือน คำชม หรือความหวังข้างหน้าไปเปรียบเทียบกับความพยายาม เพียงแต่ทำไปเพราะมีความสุขกับงานที่ตัวเองทำได้ดี ตั้งมาตรฐานและรักษามาตรฐานงานให้สูงเข้าไว้ ก็จะทำให้เกิดความสำเร็จและแต่ล่ะขั้นตอนแต่ละพื้นฐานก็เพื่อการเริ่มต้นของงานใหม่ ดังคำกล่าวที่ว่า ชีวิตคือสิ่งที่ตัวเรานั้นสร้างขึ้นมา มันคือกุญแจที่จะไขไปสู่ความสำเร็จ ความสุขและความสบาย
           และในวันสุดท้ายของการฝึก ลองให้ตัวเองตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จให้ได้ ไม่กลัดกลุ้มใจ เพราะสิ่งแวดล้อม คู่ครองหรือบุคคลท่านอื่น ๆ ซึ่งจะไม่สอดคล้องกับแผนการของตัวเราเอง ก็เพราะตัวเราเองไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ ดังนั้น ก็ควรเปลี่ยนแผนการของตัวเราเองให้เหมาะสมกับสิ่งต่าง ๆรอบตัวเรา


คติ : ไม่มีงานไหนต่ำ ถ้าทำด้วยใจสูง No work is workless if is done with dignity.

บทที่ ๓ : การพัฒนาทักษะสู่ความสำเร็จ

๑.  พัฒนาทักษะตนเองสู่ความสำเร็จ
ความสำเร็จใด ๆ คือ ความสมหวังที่ ใคร ๆ ก็ต้องการและปรารถนาที่จะไขว่คว้าใน
ทุกสาขาอาชีพ ในขั้นแรกตัวเราเองจะต้องรู้ และมีความแน่ใจว่าตัวเราเองต้องการอะไร
จุดมุ่งหมายอย่างไร และจะก้าวไปในทิศทางไหน จึงต้องศึกษาค้นหาและพยายามไปให้ถึง
สิ่งที่ต้องการนั้นให้ได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัย  ดังนั้น จึงต้องมีการวางแผนโดยการวางแผนจะต้องถูกต้อง มีกำหนดการที่มีความชัดเจนและสามารถทำตามแผนการที่วางไว้ได้โดยปลอดภัย อย่างเช่น โคลัมบัส เป็นช่างทอผ้า กวีเบรินส์เป็นชาวนา อีสปเป็นทาส  กัปตันคุด เป็นเด็กรับใช้ในเรือ ทุกคนมีเข็มทิศและมีแผนที่ และผู้บุกเบิกก็มีเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไปถึงจุดมุ่งหมายอย่างรวดเร็วและปลอดภัย  แต่ถ้าทุกคนไม่มีเข็มทิศและแผนที่พวกเขาทั้งหลายก็อาจจะเดินวนไปวกวนเป็นวงกลมและจะทำให้ไปไม่ถึงที่หมาย  ดังนั้น ในการทำงานหรือทำอะไรก็แล้วแต่จะต้องมีทั้งผลดีและผลเสียตามมาเสมอ และในการพัฒนาทักษะตนเองสู่ความสำเร็จ พึงพิจารณาตาม ลำดับกับสิ่งที่ควรจะเป็น ดังนี้
๑.๑. หนทางแห่งความสำเร็จจงคิดถึงความสุขก่อน
            ในการค้นหาความสำเร็จนั้น มักจะพบว่าหนทางนั้น มิได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ มีอุปสรรคแตกต่างกันไป แต่ถ้าจะให้ไปถึงที่หมายโดยเร็วและปลอดภัยนั้น จะต้องมีความกระตือรือร้น มีความกล้าหาญเอาจริงเอาจังกับการวางแผนที่มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้ เช่น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส  จะต้องออกเดินทางฝ่าท้องทะเล   ที่เขานั้นไม่รู้จัก ฮิลารีและเทนซิงห์นอร์เกย์  จะต้องปืนขึ้นไปบนยอดเขาซึ่งพวกเขาประมาณความสูงกันแทบจะไม่ได้ และความสำเร็จนี้เองเกิดจากการวางแผนอย่างรอบคอบและมีความกล้าหาญกระตือรือร้นและมีเครื่องมืออุปกรณ์อย่างดี มีความตั้งใจจริง มีความมานะบากบั่นและการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ดังคำกล่าวที่ว่า เราสามารถทำอะไรก็ได้ที่ตัวเราเองต้องการ ถ้าหากว่ามีความพยายามนานพอ
            ความสำเร็จด้วยความสุข ก็คือ การมีเพื่อนมิตรสหายให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และสิ่งที่สำคัญก็คือ การให้และการรับ ซึ่งในส่วนมากจะเน้นที่การให้เป็นหลัก อย่างเช่น นายวาช ยัง ผู้มีอาชีพนักขายประกันผู้มือชื่อเสียงซึ่งเขาได้แต่งหนังสือขึ้นมา ชื่อ A fortune to share (โชคสำหรับแบ่งปันกัน) ทุกคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ มีความสนุกมีความสุขจากการอ่านหนังสือเรื่องนี้ ดังนั้น จึงคิดวิธีที่จะผูกมิตรกับเพื่อนให้เพิ่มมากขึ้น คือ การให้เพื่อนยืมหนังสือ นิตยสาร ในหมู่คณะหรือเพื่อนร่วมงานให้กลับไปอ่าน หรืออาจจะพูดให้กำลังใจ ปลอบใจเพื่อนร่วมงานยกย่องชมเชยและสร้างความพึงพอใจให้แก่เพื่อนร่วมงานก็ได้และทั้งหมดนี้เองก็เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความสุขได้เช่นกัน
๑.๒. การคิดแผนการสำหรับวันนี้จงพึงระวังการตั้งต้น
            โดยส่วนรวมการฝึกฝนจะพิจารณาถึงแผนการ ซึ่งได้เปรียบเทียบกับแผนผังของบ้านที่กำลังจะสร้าง คือ ผู้ก้อสร้างจะต้องมีการกำหนดการไว้สำหรับในแต่ละวัน ว่าวันหนึ่งวันจะต้องทำอย่างน้อยคืออะไรบ้างเพื่อให้งานมีความก้าวหน้า ดังคำกล่าวที่ว่า วันวานเป็นเพียงความฝัน วันพรุ่งเป็นเพียงภาพลวงตา เพื่อที่จะได้อะไรที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ และเวลาในการวางแผนที่ดีที่สุด คือ เวลาในตอนกลางคืน  การคิดทำงานหรือทำอะไรจะต้องเพ็งเล็งเอาใจใส่ต่องานที่ทำ และความทำไปทีละนิดทีละน้อยและทำไปทีละวัน จึงเปรียบเทียบงานเหมือนกับนาฬิกา คือ นาฬิกามันเริ่มที่จะคิดถึงอนาคต ว่าในแต่ละวันแต่ละปีนั้น มันจะต้องเดินนานทีเดียว มันจึงคิดหาวิธีที่จะเดินให้เร็วที่สุด มันจึงคิดว่าถ้ามันเดินวินาทีทีละสองติ๊ก มันคงไปถึงเร็วกว่าเดินวินาทีละติ๊ก เมื่อมันเดินเกินกว่ากำลังของมันจึงอ่อนแรงและหมดแรงไปในที่สุด  เมื่อจะต้องทำงานที่เป็นจำนวนมาก สิ่งที่ต้องทำคือ ทำไปทีละนิด แต่ถ้าคิดที่จะทำมากเกินกว่ากำลังของตัวเอง ก็อาจจะหมดแรงเหมือนกับนาฬิกาก็ได้
            ความสำเร็จจากในแต่ละวันจะแสดงถึงความยินดี ดังนั้น เมื่อเข้าไปในที่ทำงานจะต้องมีความพร้อม มีความกระตือรือร้นที่จะทำงาน ยิ้มและพูดกับเพื่อนร่วมงานอย่างร่าเริง พยายามหาเพื่อนใหม่ให้ได้สัปดาห์ละคน โดยการแลกเปลี่ยน หนังสือนิตยสาร ฯลฯ เพื่อแลกเปลี่ยนกันอ่าน ไม่ควรพูดโกหกเพื่อปิดบังความผิดพลาดของตนเอง และควรตักเตือนเพื่อนที่ทำผิด เพราะถ้าไม่ตักเตือนก็อาจจะเป็นนิสัยของเพื่อนต่อไปก็ได้ ควรจะมีข้อเสนอต่อเพื่อนหรือผู้บังคับบัญชา เมื่อทำแบบนี้ได้ การเริ่มต้นก็จะประสบผลสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
๑.๓. ความถูกต้องแม่นยำจงหาอะไรจากชีวิตให้มากที่สุด
            การให้คำสั่งที่มีความถูกต้อง ชัดเจน ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเช่นกัน ดังนั้นควรใช้ภาษาที่ง่ายปละมีใจความที่กระชับและประโยคสั้น ๆ ซึ่งใครก็ตามก็สามารถเข้าใจได้ การทำงานร่วมกับคนอื่นๆก็อาจทำให้เกิดความเสียหายเป็นทรัพย์สินเงินทอง  ข้อบกพร่องอีกอย่างที่ควรหลีกเลี่ยง คือ การใช้ถ้อยคำที่คลุมเครือหรือไม่ถูกต้อง ก็ควรที่จะเปิดพจนานุกรม ถึงแม้ว่าจะมีความสามารถมากเพียงใดก็ตาม เรียนจบมาจากที่ไหน อย่างไรก็ไม่ความที่จะประมาท
            การอยู่ร่วมกันในสังคมการที่จะประสบความสำเร็จ ก็คือ จงทำให้ทุกขณะทีค่า คนส่วนมากก็ไม่ได้ทำอะไรที่มีค่าให้สำเร็จได้ เพราะตัวเราเองไม่รู้ค่าของชั่วขณะเวลาสั้น ๆ ถ้าตัวเราเองต้องการที่จะประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว จะต้องทำให้ทุกเวลามีค่า จะต้องรักษาเวลา ใช้สถานการณ์และบุคคลอื่น ๆทำให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย โดยการคิดหาวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการช่วยแก้ปัญหา เมื่อตนเองได้รับความสำเร็จแล้วก็จงรักษาความสำเร็จนั้นไว้ แต่ถ้ามันยังไม่มา ก็จงขวนขวายไปตามหาความสำเร็จ ความก้าวหน้าด้วยตัวของเราเอง
๑.๔. พึงระวังใส่ใจในเรื่องบุคลิกภาพ
            บุคลิกภาพเป็นสิ่งมีค่า ซึ่งตัวเราเองจะต้องเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสีผิว รูปร่าง ความสูง และสิ่งแวดล้อม ซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญมี 3 อย่างคือ ความจริงใจ ความรู้ และการบริการ ซึ่งคุณสมบัติ ทั้ง 3 อย่างนี้ ตัวเราจะต้องพยายามสร้างด้วยตัวของเราเอง เช่น
            ความจริงใน การกระทำและคำพูด วาจาต้องมีความตรงไปตรงมา การกระทำตามสัญญาการไม่เสแสร้ง ไม่ประจบประแจง มีความสดใส ร่าเริง และกระตือรือร้น
            ความรู้  ความไม่รู้ก่อให้เกิดความหวาดกลัว และการมีความรู้ทำให้เกิดความมั่นใจ และการอ่านหนังสือให้ฉลาดไม่ใช่อ่านเพื่อสะสมความรู้
            การบริการ  การให้โอกาส การให้บริการแก่สังคม เพราะ การบริการ ความไม่เห็นแก่ตัว การเสียสละ และนั่นคือความเป็นบุคลิกภาพ
๑.๕. ข่มความเย่อหยิ่งคือความเลวทรามและแสดงชั้นเชิงสู่ความสามารถ
            ความเย่อหยิ่งมีอยู่หลายชนิด ด้วยกัน คือ เหตุสมควร เย่อหยิ่งปลอม ๆ ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความทะนงตัว ความหัวสูง เพราะฉะนั้นตัวเราเองก็ควรจะต้องมีความเย่อหยิ่งในการทำงาน ไม่ใช่ในสิ่งที่เราเป็น ดังนั้น ความเย่อหยิ่งก็คือความเลวทราม
            ชั้นเชิงหรือกลวิธีมีอยู่หลายระดับ ระดับสูง คือ ชั้นเชิงที่ต้องใช้ความสามารถ ซึ่งทำให้ตัวเราเองหลุดจากการจนตรอกได้ โดยไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน  ความสามารถ ความชำนาญในการเอาชนะฝ่ายตรงกันข้าม ที่ทำไปด้วยความไม่รู้ ความไม่แยแส หรือความหยิ่ง ชั้นเชิงทำให้คนอื่นมีความพอใจที่จะทำตามที่ตัวเราเองต้องการ และความชำนาญในการทำให้คนอื่นๆ มีความกระตือรือร้นที่จะทำประพฤติปฏิบัติตนตามแบบอย่างที่ดี
           ๑.๖. ยังไม่มีอารมณ์แต่มีเวลาเล่นเหมือนกัน
           การมีอารมณ์ไม่ดีแตกต่างจากความไม่มีอารมณ์ ดังนั้น ก็จงหาสาเหตุและกำจัดอารมณ์ไม่ดีออกไปและเมื่อใดตัวเรารู้สึกหดหู่ เมื่อนั้นจึงต้องหากิจกรรมเผื่อที่จะผ่อนคลาย คือ อาจจะเล่นดนตรี  อกกำลังกาย และการอ่านหนังสือที่จะช่วยให้เสริมสร้างกำลังใจ จะช่วยให้ตัวเราเองมีความกระตือรือร้นมีความพร้อมที่จะทำงาน
           คนที่จะประสบผลสำเร็จย่อมที่จะผสมผสานการทำงานและการเล่นให้อยู่ในสัดส่วนที่ดี และควรจะรู้ด้วยว่าจะพักผ่อนเมื่อไหร่และอย่างไร ทำตัวเองให้สบาย ๆ ถ้าตัวเราเองทำงานและผัดผ่อนในการที่จะมีวันหยุด เพราะฉะนั้นตัวเราเองจะต้องหาเวลาว่างไปเที่ยวอย่างน้อย 10 วันต่อปี จงใช้เวลาไปอย่างสบายๆ และควรวางแผนวันว่างของตัวเราเอง เลือกงานอดิเรกเพื่อช่วยฆ่าเวลา ควร สร้างความสนใจในดนตรีหรือกิจกรรมศึกษาธรรมชาติ และอย่างน้อยสิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้ตัวเราเองเกิดความกระตือรือร้นและสร้างขอบเขตทางด้านการตัดสินใจ
           ๑.๗. จงเชื่อมั่นในตัวเองและมีคุณสมบัติของผู้นำ
           สิ่งแรกที่จำเป็นสำหรับการประสบความสำเร็จคือ ความศรัทธาในตัวเราเอง คือ ลักษณะเด่นในตัวของชายหญิง การมีความเชื่อมั่นในตัวเอง  มีความเชื่อ ความกล้าหาญและมีความกระตือรือร้นก็จะเป็นอย่างยิ่งในการทำงาน แต่ข้อเสียก็มีเช่นเดียวกัน คือความใจร้อน ความสะเพร่า ของตัวเราเองจะเป็นอุปสรรคที่จะไปทำลายหนทางที่จะไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตัวเราเองกำหนดไว้
           ผู้นำแบ่งได้เป็น ๒ ประเภท คือ
                      ๑. การใช้อำนาจผลักดันและเรียกร้อง
                      ๒. ดลบันดาลใจผู้ตามให้ลงมือกระทำตาม เพื่อที่จะประสบความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำ แต่ตัวเราเองต้องหลีกเลี่ยง และความสำเร็จโดยทั่วไป มีคุณสมบัติ คือ
                      คนกระตือรือร้น                                        มีอารมณ์ขัน
                      ประสงค์อย่างแรงกล้าที่จะเรียนรู้                จงแบ่งคำชมเชยให้ผู้อื่นบ้าง
                      ทำชีวิตผู้อื่นอย่างสมบูรณ์                           อย่าได้เยาะเย้ยถากถางหรือตวาดผู้อื่น
                      สร้างความพึ่งพาอาศัยได้                            จงอย่าเอื้อมไปไกลเกินไป

                      สัญญาให้น้อยและรักษาคำสัญญา                จงทำงานเพื่อจุดมุ่งหมายที่วางไว้

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อย่ากินจนไตพัง

ข่าวทั่วไป


ไขปัญหาฯ : อย่ากินจนไตพัง
ไขปัญหาสุขภาพแผนจีน : อย่ากินจนไตพัง : โดย...หมอไพร

       ปัจจุบันพบเจอผู้ป่วยเป็นโรคไตกันมากขึ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการล้างไตจะมีมากแค่ไหน จนมีธุรกิจขายเครื่องฟอกไตเกิดขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จะให้ไตพังก่อนค่อยมาล้างกัน เรามาช่วยกันป้องกันโรคไตก่อนไม่ดีหรือ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเริ่มต้นจากการกินของเรานี่แหละ ความเคยชิน ความชอบส่วนตัว เลือกกิน กินตามใจตัวเองจนไตพังโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนได้รับฟังเรื่องราวหลายตัวอย่างจากการกินทำให้เกิดโรคไตวาย โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เรื่องมีอยู่ว่า

       เด็กสาวคนหนึ่ง อายุ 12 ปี ชอบกินปีกไก่ทอดเป็นชีวิตจิตใจ กินทุกวัน วันละหลายปีก กินพร้อมกับดื่มน้ำอัดลม เช่นนี้ทุกวันติดต่อกัน ผ่านไปครึ่งปี เกิดอาการปัสสาวะเป็นฟอง ปัสสาวะน้อย ตาบวม ขาบวม อ่อนเพลีย ตรวจพบว่า มีไข่ขาวรั่วในปัสสาวะ ค่าของเสียในไตสูงขึ้น ค่าการทำงานของไตต่ำลง ต้องฟอกไตตั้งแต่อายุ 12 ปี

       อีกรายหนึ่ง เหน็ดเหนื่อยกับการเตรียมงานแต่งงานของตัวเอง บวกกับยุ่งเตรียมของไหว้ตรุษจีน เรารู้กันอยู่แล้วว่าตรุษจีนต้องเหน็ดเหนื่อยในการตระเตรียมมากแค่ไหน หลังจากยุ่งกับการไหว้แล้ว ต้องต่อด้วยการกินอาหารที่มีอยู่อย่างมากมายนั้นให้หมด ต้องดื่ม ต้องกินเนื้อสัตว์มากแค่ไหน หลังตรุษจีน 3 วันก็แต่งงาน วันที่เข้าห้องหอกับภรรยา เกิดอาการใจสั่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก นอนแผ่บนเตียงขยับไม่ได้ ส่งโรงพยาบาล ตรวจพบว่า ไตวายระยะสุดท้าย ปัสสาวะเป็นพิษ และมีโรคแทรกซ้อนมากมาย

       ในชีวิตประจำวัน ร่างกายคนเราต้องการ โปรตีน ไขมัน แป้งน้ำตาล เกลือแร่ วิตามิน แต่ต้องในปริมาณที่พอเหมาะ ถ้ามากเกินไปไตจะทำงานหนัก หากเราจะเปรียบไตเหมือนถังขยะก็ไม่ผิดนัก ขยะต่างๆ มารวมที่ไต ถ้าขยะมากจนล้น ไตต้องทำงานหนักแน่นอน ถ้าน้อยๆ หรือระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นยังพอทนไหว ถ้ามากเกินไป บ่อยๆ เกินไป ระยะยาวเกินไป ไตทำงานหนัก ทำให้หน่วยไตแข็งกระด้าง กรองได้ไม่ดี โรคไตวายจะตามมา

       สมรรถภาพการทำงานของไตจะลดลงตามวัย อายุยิ่งมากขึ้น สมรรถภาพในการกรองพิษยิ่งอ่อนแอลง การกินโปรตีนมากเกินไป เป็นภาระให้ไตทำงานหนัก

       อาหารที่ทำร้ายไตมากที่สุดคืออาหาร
1) เค็ม เช่น ผักดอง หัวไชโป๊ว ซีอิ๊ว น้ำปลา เกลือ น้ำมันหอย ไข่เค็ม ปลาเค็ม กุนเชียง หมี่สำเร็จ และเครื่องปรุงรสต่างๆ

       2) อาหารที่ต้มทุกอย่างในหม้อน้ำเดือดๆ มีทั้งหมู เนื้อ ไก่ หอย ปู ปลา เครื่องใน เต้าหู้ ผักนานาชนิด สาหร่ายทะเล เป็นต้น ทำให้เพียวรินมาก เลือดจะมีกรดมาก ไตเป็นตัวขับเพียวรินที่มากเกินไปออกจากร่างกาย ถ้ากินอย่างนี้เป็นประจำไม่ดีต่อไตแน่ๆ และยิ่งมีเพียวรินมากๆในเลือด ไตต้องขับออกในเวลาอันสั้น อะไรจะเกิดขึ้นคงเดาได้ไม่ยาก

       ตัวเพียวรินนี้ไม่ใช่จะเกาะกลุ่มที่ข้อต่อแล้วเกิดโรคเก๊าต์เพียงอย่างเดียว ยังเกาะในหน่วยกรองไตทำให้เป็นโรคไตวายได้ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง และยังรวมกับแคลเซียมเกาะกลุ่มกันเป็นนิ่วอุดท่อไตเรื้อรังได้อีกด้วย

       3) เบียร์ เป็นอีกหนึ่ง ที่ทำให้เพียวรินสูง ไม่เพียงตัวเบียร์อย่างเดียว การดื่มเบียร์ต้องกับแกล้ม ทั้งเนื้อสัตว์ ทั้งรสจัด จะไม่ให้ไตทำงานหนักได้อย่างไร

       4)เครื่องในสัตว์ มีเพียวรินมาก แม้โบราณจะเคยสอนว่า อวัยวะอะไรจะบำรุงอวัยวะนั้น เราจึงมักได้รับคำแนะนำต่อๆ กันมา เช่น หากเป็นโรคกระเพาะ ให้เอากระเพาะหมูล้างสะอาดใส่พริกไทยเม็ดเข้าไป ตุ๋นให้นุ่ม กินกระเพาะหมูนั้น หรือเอาเซี่ยงจี๊หมูตุ๋นกับเม็ดลิ้นจี่รักษาโรคไตวาย เป็นต้น ในนี้อย่าลืมว่า เครื่องในมีเพียวรินมาก กินบ่อยไม่น่าจะเหมาะ

       5)ถุงน้ำดีในตับปลาสดๆ มีพิษ ต้องล้างให้สะอาด คนที่ล้างดีปลาออกไม่สะอาดเกิดอาการติดพิษจะมีอาการ ชาตามตัว ท้องร่วง อาเจียน ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือด กลายเป็นไตวายเฉียบพลันได้

       เรื่องนี้ผู้เขียนมีประสบการณ์ตรงเลย วันหนึ่งไปซื้อปลาสดเป็นชิ้นๆ ในตลาด แม่ค้าใจดีแถมตับปลามาให้ 2 ชิ้นใหญ่ๆ วันนั้นเลยทำต้มยำปลาใส่ตับปลาลงไปด้วย ตอนนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องถุงน้ำดีปลาเลย คิดว่าตัวเองไม่มีถุงน้ำดีแล้ว กินน้ำดีปลาน่าจะช่วยบำรุงถุงน้ำดีได้ดี วันนั้นทั้งวันมีต้มยำหม้อนี้ทุกมื้อ พอถึงกลางคืนประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ปวดมวนท้อง อาเจียนท้องร่วงจนหมดไส้หมดพุง ทั้งคืน ต่อรุ่งขึ้นวันที่ 2 อีก หมดแรงเลย แต่โชคดีที่ไตไม่ได้เป็นอะไร นึกอยู่แล้วว่าต้องมาจากกินตับปลาแน่นอน เพราะไม่ได้กินอาหารอย่างอื่น แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจเหตุผลของพิษน้ำดีปลา จนกระทั่งเร็วนี้ได้รับข้อมูลว่า มีเรื่องราวการได้รับพิษจากดีปลา และมีคำเตือนมาว่า เวลากินปลาต้องล้างให้สะอาด ล้างดีปลาออกให้หมด ให้สะอาดหมดจด ไม่ว่าปลาอะไร ไม่มียกเว้น

       ในอาหารการกิน พืชผักธรรมชาติหรือเนื้อสัตว์ทั้งบกทั้งน้ำ ต่างมีดีและไม่ดีอยู่ในตัวเราจึงควรระมัดระวัง

       นอกจากกินอาหารแล้ว ยังต้องใส่ใจเรื่องกินยาด้วย(ที่มาหนังสือพิมพ์ คม-ชัด-ลึก)



วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

๒.๒ สมรรถนะในการทำงาน

สมรรถนะในการทำงาน
                ระบบสมรรถนะในการทำงาน (Competency Model) เป็นเครื่องบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่ผู้บริหารทุกระดับสามารถนำมาใช้ในการสรรหา รักษา และพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้  ทักษะ ความสามารถ และบุคลิกลักษณะเฉพาะตรงตามที่ตำแหน่งกำหนด  เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ตรงตามผลตามที่คาดหวังไว้
                สมรรถนะในการทำงาน (Competency) หมายถึง ความรู้  ทักษะ  และคุณลักษณะ (Knowledge,  Skill, Personal Attribute) ของบุคคลที่จำเป็นต้องมี เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ประสบผลสำเร็จตามที่กำหนดไว้ เช่น
                (๑) ความรู้ (Knowledge) หมายถึง  ความรู้ที่จำเป็นในการในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าไม่มีความรู้ พนักงานก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบได้อย่างถูกต้อง  ความรู้นี้มักจะได้จากการศึกษา  อบรม  สัมมนา  รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้มีความรู้ในด้านนั้น ๆ
                (๒) ทักษะ (Skill)  หมายถึง ทักษะความสามารถเฉพาะที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าไม่มีทักษะแล้ว  ก็ยากที่จะทำให้พนักงานทำงานให้มีผลงานออกมาดีและตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้  ทักษะนี้มักจะได้มาจากการฝึกฝน  หรือกระทำซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดความชำนาญในสิ่งนั้น ๆ
                (๓) คุณลักษณะส่วนบุคคล (Personal Attribute) หมายถึง  คุณลักษณะ  ความคิด  ทัศนคติ ค่านิยม  แรงจูงใจ และความต้องการส่วนตัวของบุคคล คุณลักษณะเป็นสิ่งที่ติดตัวมาและเปลี่ยนแปลงได้ไม่ง่ายนัก  คุณลักษณะที่ไม่เหมาะสมกับหน้าที่ มักจะก่อให้เกิดปัญหาในการทำงาน และทำให้งานไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย

                 ๒.๓  ขีดความสามารถของสมรรถนะในการทำงาน
                ขีดความสามารถในการทำงาน (Proficiency Level) หมายถึง  ระดับพฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นถึงความสามารถ  ความชำนาญในแต่ละสมรรถนะ  ซึ่งขีดความสามารถของกลุ่มสมรรถนะและหลัก (Core Competency)  กลุ่มสมรรถนะตามบทบาทหน้าที่ (Functional Competency) และกลุ่มความรู้ในงาน (Job Competency) ได้แบ่งออกเป็น ๕ ระดับ ตามระดับความชำนาญ (Expertise) ได้แก่
                ระดับที่ ๑  ขั้นพื้นฐาน (Novice) หมายถึง  ระดับทักษะพื้นฐานที่พนักงานควรมี
                ระดับที่ ๒ ขั้นปฏิบัติงาน (Adequate) หมายถึง  ระดับความสามารถที่พนักงาน จำเป็นต้องมีในการปฏิบัติงานประจำวัน
                ระดับที่ ๓ ขั้นประยุกต์ (Develop) หมายถึง  ระดับที่พนักงานมีความสามารถในการประยุกต์ใช้ทักษะในการปฏิบัติงานที่ตนเองรับผิดชอบได้ดี
                ระดับที่ ๔ ขั้นก้าวหน้า (Advance)  หมายถึง  ระดับที่พนักงานสามารถใช้ทักษะความชำนาญในงานที่ตนเองรับผิดชอบ
                ระดับที่ ๕  ขั้นเชี่ยวชาญ (Expert)  หมายถึง  ระดับที่พนักงานมีความเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะนั้น ๆ กับหน้าที่ความรับผิดชอบของตน
                ในส่วนของกลุ่มสมรรถนะด้านการบริหาร (Management Competency) ได้แบ่งออกเป็น  ๕ ระดับ ตามสายของการบังคับบัญชา (Hierarchy) ได้แก่
                ระดับที่ ๑ เจ้าหน้าที่อาวุโสหรือหัวหน้าทีม (Senior Officer / Team Leader) หมายถึง  ขีดความสามารถด้านบริหารจัดการพื้นฐานที่พนักงานในระดับพนักงานอาวุโสต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าทีม
                ระดับที่ ๒ ผู้บริหารระดับต้น (First Line Management) หมายถึง  ขีดความสามารถ ด้านการบริหารจัดการที่พนักงานในกลุ่มผู้บริหารระดับต้น เช่น หัวหน้าหน่วย  ผู้จัดการหน่วย เป็นต้น จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
                ระดับที่ ๓ ผู้บริหารระดับกลาง (Middle Management) หมายถึง  ขีดความสามารถ ด้านการบริหารจัดการที่พนักงานในกลุ่มผู้บริหารระดับกลาง เช่น  ผู้จัดการฝ่าย เป็นต้น จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
                ระดับที่ ๔ ผู้บริหารระดับสูง (Top Management) หมายถึง  ขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการที่พนักงานในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง เช่น ผู้อำนวยการฝ่าย เป็นต้น จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
                ระดับที่ ๕ ผู้บริหารองค์กร (Executive) หมายถึง  ขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการสำหรับผู้บริหารระดับองค์กรจำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่